ค่าเอกเซฟ ค่าใช้จ่ายที่คนทำประกันรถยนต์ รู้จักดี มีกี่ประเภท

ค่าเอกเซฟ

สำหรับผู้ที่มีประกันรถยนต์หลาย ๆ คน น่าจะรู้จักกับคำว่า ค่าเสียหายส่วนแรกกันเป็นอย่างดี เพราะในบางกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วคุณนั้นจะต้องออกค่าใช้จ่ายเองส่วนหนึ่ง ซึ่งในขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ ก็จะมีค่า ค่าเอกเซฟ หรือค่าเสียหายส่วนแรกนั่นเอง จะมีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบ Excess และ แบบ Deductible ถึงแม้ทั้ง 2 ชื่อนี้จะแตกต่างกัน แต่ก็มีในกรณีการจ่าย ที่ทำให้สับสนได้ จนบางคนนั้น ถึงกับแยกกันไม่ออกเลยทีเดียว ค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Excess คือ ค่าเสียหายแบบภาคบังคับ มีระบุไว้ในเงื่อนไขว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว ผู้ใช้รถจะต้องรับผิดชอบร่วมกับบริษัทประกันภัย เป็นค่าเสียหายส่วนแรก 1,000 บาท ถึงแม้ว่าคุณจะมีประกันชั้น 1 แล้วก็ตาม คุณก็ต้องจ่ายอยู่ดี โดยเชื่อว่า จะต้องมีบางคนสงสัยว่า ทั้ง ๆ ที่เราได้จ่ายเบี้ยประกันไปแล้ว แต่ทำไมเราถึงยังต้องจ่ายค่า Excess คำตอบก็คือ เพื่อป้องกัน ในกรณีที่ผู้เอาประกันแจ้งเคลม ทั้งที่ไม่ได้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง ยกตัวอย่างเช่น อยากทำสีรถใหม่ ก็เลยใช้มีดกรีดให้เป็นรอย แล้วแจ้งเคลมกับประกัน และ เพื่อให้ผู้เอาประกัน ไม่เกิดความประมาทในการขับรถ ไม่ใช่ว่าจะขับแบบไหนก็ได้ เพราะรู้อยู่แล้วว่า ยังไงบริษัทประกันก็ต้องจ่ายค่าเสียหายให้อยู่แล้ว เป็นต้น

ค่าเอกเซฟ มีกรณีไหนบ้าง ที่จะต้องเสีย หรือไม่เสียค่า Excess

เมื่อมาถึงตรงนี้ คงทราบกันบ้างแล้วว่า ค่าเอกเซฟ นั้นคืออะไร แต่อาจจะยังไม่เห็นภาพชัดเจนสักเท่าไหร่ ว่าในกรณีไหนบ้าง ที่คุณจะต้องเสีย หรือไม่เสียค่าใช้จ่าย มีดังนี้

  1. กรณีที่คุณจะต้องเสีย 

ในกรณีที่รถของคุณเกิดความเสียหาย แต่คุณไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ หรือมีสาเหตุที่ไม่ชัดเจนนั่นเอง อาทิเช่น

  • มีรอยขีด รอยข่วนจากของมีคมต่าง ๆ หรือถูกผู้อื่นกลั่นแกล้ง
  • คุณขับไปเฉี่ยวกับต้นไม้ ลวดหนาม หรือเสาไฟฟ้า
  • ถูกสัตว์กัด ข่วน หรือแทะจนเกิดรอย
  • หรืออาจจะมีรอยบุบ เพราะหิน หรือวัสดุที่มีความแข็งกระเด็นเข้าใส่
  • รถตกหลุม หรือไปขูดกับพื้นถนน

ประกันจะไม่คุ้มครอง ในกรณีที่อุบัติเหตุเหล่านี้เกิดจาก เมาแล้วขับ ขับรถแข่งซิ่ง หรือทำผิดกฎหมายในทุกกรณี ฉะนั้นควรขับรถกันอย่างระมัดระวัง และ เคารพกฎหมายอยู่เสมอ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา บริษัทประกันจะไม่จ่ายให้อย่างแน่นอน ถ้าหากรถของคุณมีรอยจากหินกระเด็นใส่ และ มีรอยจากรั้วลวดหนาม จะนับเป็นความเสียหายจาก 2 เหตุการณ์ คุณต้องจ่าย 1,000 บาท x 2 เหตุการณ์ เท่ากับ 2,000 บาทนั่นเอง

  1. กรณีที่คุณไม่ต้องเสีย 

ได้แก่รถของคุณเกิดอุบัติเหตุ ความเสียหายที่สามารถระบุคู่กรณีได้ หรือมีภาพหลักฐานเหตุการณ์ที่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือ

  • รถชนเข้ากับพาหนะอื่น และ สามารถแจ้งรายละเอียดของคู่กรณีได้
  • รถพลิกคว่ำ
  • รถชนเข้ากับฟุตบาท ป้ายจราจร ต้นไม้ กำแพง หรือเสาไฟฟ้า
  • รถชนเข้ากับคน หรือสัตว์

โดยบริษัทประกันจะไม่คุ้มครอง ในกรณีที่อุบัติเหตุข้างต้นเหล่านี้ รวมถึงเกิดจาก การเมาแล้วขับ การขับรถแข่งกัน หรือซิ่งกันบนท้องถนน หรือใช้ในกรณีที่ทำผิดกฎหมายในทุกกรณี ดังนั้นคุณควรที่จะขับรถอย่างระมัดระวัง และ เคารพกฎหมายจะดีกว่า เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา บริษัทประกันอาจจะไม่จ่ายให้ก็เป็นได้

ค่าเอกเซฟ หรือค่าเสียหายส่วนแรก แบบ Deductible คืออะไร

ค่าเสียหายประเภทที่สอง นั่นก็คือ ค่าเสียหายส่วนแรก ในแบบ Deductible นั่นเองโดยหมายถึง ค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจ ที่จะมีความที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากแบบ Excess ก็เพราะว่าเป็น ค่าเอกเซฟ ที่คุณยอมเสียให้กับบริษัทประกันภัยทุกครั้ง ที่มีการเคลมในอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่คุณเป็นฝ่ายผิดนั่นเอง โดยในขั้นตอนการทำประกัน จะมีเงื่อนไขให้คุณได้เลือกที่จะจ่ายค่า Deductible หรือไม่ ซึ่งถ้าคุณยอมจ่าย ก็จะช่วยลดเบี้ยประกันตามจำนวนค่า Deductible ที่คุณระบุไว้นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณจะต้องเบี้ยประกันรายปีเป็นจำนวน 20,000 บาท แต่หากคุณได้ทำการระบุว่า คุณยินดีจ่ายค่า Deductible ทุกครั้ง ที่เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่คุณเป็นฝ่ายผิด เป็นจำนวน 4,000 บาท ซึ่งจะไปหักลบกับเบี้ยประกัน ทำให้คุณต้องจ่ายเพียง 16,000 บาทเท่านั้น แต่ค่า Deductible นี้อาจจะไม่ได้มีในทุกบริษัท หากคุณสนใจในเงื่อนไขนี้ ก็แนะนำให้สอบถามข้อมูลจากบริษัทประกันภัยที่จะเลือกทำให้ดีเสียก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายที่จะตามมานั่นเอง

ค่าเอกเซฟ จ่าย หรือ ไม่จ่าย แบบไหนคุ้มกว่ากัน?

เมื่อเข้าใจกันแล้วว่า ค่าเอกเซฟ แบบ Deductible คืออะไร ก็จะมีคำถามตามมาอย่างแน่นอนว่า เลือกจ่าย หรือไม่จ่ายแบบไหนถึงจะดีกว่า คุ้มค่ากว่ากัน ซึ่งคำตอบนั่น ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความเชี่ยวชาญ ในการขับรถมากน้อยแค่ไหนนั่นเอง หากคุณเป็นผู้ชำนาญในการขับรถ มีความมั่นใจว่าการขับขี่ของตัวคุณเองปลอดภัยอย่างแน่นอน ไม่ไปเฉี่ยวชนเข้ากับอะไรได้อย่างง่าย ๆ คุณก็ควรเลือกที่จะจ่ายค่า Deductible นี้ได้เลย เพราะจะช่วยให้คุณประหยัด ในส่วนของการจ่ายเบี้ยประกันในแต่ละปีไปได้มากนั่นเอง และ ถึงแม้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุ และ ถ้าคุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิด คุณก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเช่นเดียวกัน แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ ไม่ได้เชี่ยวชาญ หรือชำนาญในการขับรถมากนัก หรือยังเป็นมือใหม่หัดขับอยู่นั้น และ มีการคิดไตร่ตรองมาแล้วว่า รถของคุณมีโอกาสที่จะเฉี่ยวชนได้บ่อยครั้ง ก็แนะนำให้คุณเลือกไม่จ่ายค่า Deductible จะดีที่สุด เพราะหากมีค่าเบี้ยประกันที่ลดลงมา อาจจะไม่คุ้มกับค่าเสียหายส่วนแรก ที่คุณต้องจ่ายในทุก ๆ ครั้งก็ได้นั่นเอง

ค่าเสียหายส่วนแรก หรือ ค่าเอกเซฟ มีด้วยกัน 2 ประเภทนั่นก็คือ แบบ Excess และ แบบ Deductible โดยแบบ Excess ก็คือ ค่าเสียหายส่วนแรก ที่ระบุไว้ในเงื่อนไขว่า หากเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว ผู้ใช้รถจะต้องรับผิดชอบร่วมกับบริษัทประกันภัย เป็นค่าเสียหายส่วนแรก 1,000 บาท ถึงแม้ว่าจะมีการประกันชั้น 1 แล้วก็ตาม ก็ต้องจ่ายอยู่ดี เพื่อไม่ให้ผู้ใช้รถไม่เกิดความประมาทนั่นเอง และ ค่าเสียหายส่วนแรก แบบ Deductible เป็นค่าเสียหายแบบสมัครใจในการจ่าย ยกตัวอย่างให้เข้าใจก็คือ หากคุณจะต้องเบี้ยประกันรายปีเป็นจำนวน 20,000 บาท และ คุณยินดีจ่ายค่า Deductible ทุกครั้งที่เกิดเหตุที่คุณเป็นฝ่ายผิด เป็นจำนวนเงิน 4,000 บาท ซึ่งจะไปหักลบกับเบี้ยประกัน ทำให้คุณต้องจ่ายเพียง 16,000 บาทเท่านั้น แต่ค่า Deductible นี้อาจจะไม่ได้มีในทุกบริษัท แต่หากเป็นมือใหม่หัดขับ ก็ไม่คุ้มที่จะจ่ายแบบ Deductible คุณเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในการขับรถเป็นอย่างดี ก็คุ้มที่จะจ่ายแบบ Deductible เพราะช่วยให้คุณประหยัดเบี้ยรายปีได้เยอะมากเลยทีเดียว