ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ เพื่อเพิ่มความอุ่นใจมากขึ้น

ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ

ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ สำนักงาน คปภ. และ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ร่วมมือกันในการปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ และ คู่มือตีความกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ให้เหมาะสม เพื่อให้การพิจารณาค่าสินไหมทดแทนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน และเป็นธรรม โดยปรับเพิ่มความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือ ประกันภัย พ.ร.บ.จากเดิม 300,000 บาท เป็น500,000 บาท โดยไม่ขึ้นค่าเบี้ยประกันภัย และ ปรับเพิ่มความคุ้มครองในส่วนความรับผิดต่อบุคคลภายนอก สำหรับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ให้มีความคุ้มครองขั้นต่ำสำหรับกรณีบุคคลภายนอกเสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพถาวรไม่น้อยกว่า 500,000 บาท จากการปรับเพิ่มความคุ้มครองดังกล่าวส่งผลทำให้ทายาทผู้เสียชีวิต หรือ ผู้ที่ตกเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรจะได้รับค่าสินไหมทดแทน ทั้งสองกรมธรรม์รวมกันขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทต่อราย ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย และ พิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันอีกด้วย เช่น การกำหนดรหัสรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า การกำหนดมาตรฐานราคาค่าซ่อมรถยนต์ รวมถึงการปรับปรุงข้อยกเว้นต่าง ๆ ฯลฯ ทั้งนี้การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป

ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ 6 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต ( อัปเดต 2563 )

ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ 6 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต ( อัปเดต 2563 )

  1. ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ( พ.ร.บ. ) ปรับเพิ่มความคุ้มครอง กรณีผู้ประสบภัยจากรถเสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือ สูญเสียอวัยวะถึงขนาดที่กำหนด จากเดิม 300,000 บาท เป็น500,000 บาท
  2. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ( ประเภท 1 , ประเภท 2 , ประเภท 3 หรือ แบบ plus ) ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย ไม่น้อยกว่า 500,000 บาท 
  3. หากประชาชนที่เสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพถาวรจากอุบัติเหตุทางรถ จะได้รับความคุ้มครองทั้งจากประกันภัย พ.ร.บ. และ ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ รวมจ่ายขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทต่อราย
  4. ทั้งประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ( พ.ร.บ. ) และ ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ จะไม่มีการปรับเพิ่มค่าเบี้ยประกันภัยแต่อย่างใด
  5. มีผลคุ้มครองเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป
  6. เหตุผลในการปรับเพิ่มความคุ้มครองในครั้งนี้ 
  • เพื่อยกระดับมาตรฐานการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับประชาชนที่เสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพถาวรด้วย ความรวดเร็ว และ เป็นธรรม สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ และ สังคมในปัจจุบัน และ เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
  • ลดข้อโต้แย้งระหว่างบริษัทประกันภัย และ ผู้เสียหายลงได้ เนื่องจากการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเดิมนั้นไม่เพียงพอต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น

ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ ดังนั้นท่านอย่าละเลยการทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกัน พรบ. อย่าให้ขาด และ ประกันภาคสมัครใจ ติดรถไว้เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมานั่นเอง

ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ ( สรุปสาระสำคัญ )

ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ จึงขอสรุปสาระสำคัญมาให้ทุกคนได้ทราบกัน ดังนี้

* ประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เพิ่มความคุ้มครองตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ กรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ และ สูญเสียอวัยวะ จากเดิมที่คุ้มครอง 200,000 บาท – 300,000 บาท เพิ่มเป็น200,000 บาท – 500,000 บาท แล้วแต่กรณี

* ประกันภัยภาคสมัครใจ ปรับเพิ่มความคุ้มครองการประกันภัยรถยนต์ กรณีบุคคลภายนอกเสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง โดยให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัยสำหรับจำนวนเงินเอาประกันภัยตั้งแต่ 500,000 บาท – 2,000,000 บาท สำหรับจำนวนเงินเอาประกันภัยส่วนที่เกินจาก 2,000,000 บาท ให้ชดใช้ตามความเสียหายที่แท้จริง 

ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ ประกันทั้งภาคบังคับ และ ภาคสมัครใจมีความสำคัญมากสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน ที่ต้องมีติดรถไว้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงให้ท่านในยามเกิดเหตุ ไม่คาดฝันขึ้นมา ดังนั้นอย่าลืมต่อ พรบ.ทุกปี และ ทำประกันภาคสมัครใจเพิ่มด้วยนะคะ เพื่อให้ความคุ้มครองครอบคลุมที่สุด

ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ ( ปรับเงื่อนไขกรมธรรม์ภาคสมัครใจในเรื่องของการโอนรถ )

ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ นอกจากนี้ยังมีการปรับเงื่อนไขกรมธรรม์ภาคสมัครใจในเรื่องของการโอนรถ โดยเพิ่มเงื่อนไขจากเดิมในเรื่องของ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ และ ผู้เอาประกันภัยได้ขายรถยนต์ให้แก่ผู้มีอาชีพรับซื้อขายรถยนต์ หรือ ให้เช่ารถยนต์ หรือ ซ่อมแซมรถยนต์ หรือ บำรุงรักษารถยนต์ ไม่ว่าการขายนั้นจะได้มีการทำเป็นหนังสือ หรือ มีการจดทะเบียนโอนทางทะเบียน หรือ ไม่ก็ตาม กรมธรรม์ประกันภัยนี้จะสิ้นสุดความคุ้มครองนับแต่ วัน เวลาที่มีการขายรถยนต์ บริษัทจะคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยหักเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่กรมธรรม์ประกันภัยได้ใช้บังคับมาแล้วออกตามส่วน ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับแจ้งการขายจากผู้เอาประกันภัย หรือ กรณีที่บริษัททราบถึงการขายรถยนต์ดังกล่าว บริษัทจะแจ้งการสิ้นสุดความคุ้มครองพร้อมคืนเบี้ยประกันภัย โดยการส่งหนังสือถึงผู้เอาประกันภัยตามที่อยู่ครั้งสุดท้าย ที่แจ้งให้บริษัททราบ ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ นี่ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อผู้บริโภคที่ทางสมาคมประกันวินาศภัยไทย และ คปภ. ต้องการยกระดับมาตรฐานในการพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน เป็นธรรม และ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทุกคน

ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ สรุปก็คือ ถ้าเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตอันเกิดจากรถ จะได้รับความคุ้มครองรายละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท คือจาก พ.ร.บ. 500,000 บาท และ จากบริษัทประกันภัยอีก 500,000 บาท แต่ถ้ารถคันนั้นไม่ได้ทำประกันภัย และ พ.ร.บ. ไว้ล่ะก็ ต้องอ่วมแน่ ๆ เพราะเจ้าของรถจะต้องรับผิดชอบทั้งค่าซ่อมรถหลักหมื่นหลักแสน และ ชดใช้ให้ทายาทของผู้เสียชีวิตอีกรายละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท แล้วถ้าไม่ได้เสียชีวิตแค่คนเดียว จะทำอย่างไร ดีเดย์1เม.ย.นี้เพิ่มคุ้มครองประกันรถ ดังนั้น ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนมีรถขับ ไม่ว่าจะรถยนต์ หรือ รถจักรยานยนต์ก็ตาม ควรต่อ พ.ร.บ. และ ประกันรถยนต์ไว้อย่าหลงลืมปล่อยให้กรมธรรม์รถขาดอายุแม้แต่วันเดียว มิฉะนั้น ถ้าเกิดโชคร้ายขับรถไปชนคนอื่นขึ้นมา อาจต้องเสียค่าชดใช้จนหมดตัว