ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง แล้วชั้นไหนเหมาะกับเรา

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง ขับรถมาหลายปี น่าจะมีเพื่อน ๆ หลายคนที่เลือกไม่ได้ว่า จะทำประกันชั้น 1 หรือ ประกันชั้น2+ แบบไหนดีกว่า เมื่อถึงเวลาต่อประกันดันเลือกไม่ถูก ระหว่างประกันชั้น1 ที่ทำมาตั้งแต่รถป้ายแดงใหม่ ๆ กับประกันชั้น 2+ ที่ได้รับความนิยมสุด ๆ สำหรับรถที่ขับรถมาหลายปี ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง หลาย ๆ คนอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และ 2+ ที่นิยมซื้อกันว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไร และ จุดดีจุดด้อยคืออะไรบ้าง เพื่อให้คุณได้นำมาพิจารณากันค่ะว่า ประกันชั้นไหนถูกใจ คุ้มครองคุ้มค่าที่สุด วันนี้เราจะพาไปดูกัน โดยเริ่มจากแยกรายละเอียดของประกันชั้น 1 และ ประกันชั้น 2+ ให้ดู จะได้รู้ว่าประกันชั้นไหนดีที่เหมาะกับตัวเอง ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด มาดูกันค่ะ

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง ( ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 )

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง มาดูกันค่ะว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง ราคาเบี้ยประมาณการเท่าไหร่ มีข้อจำกัดอย่างไร ?

ประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ให้ความคุ้มครองดังนี้

  • ซ่อมรถคู่กรณี ( หรือ ทรัพย์สิน ) และ ค่ารักษาพยาบาลคู่กรณี
  • ซ่อมรถเรา ค่ารักษาพยาบาลตัวเรา และ ผู้โดยสารของเรา
  • คุ้มครองกรณี สูญหาย ไฟไหม้ และ น้ำท่วม
  • รายละเอียดต่าง ๆ ที่คุ้มครองจะเป็นไปตามเงื่อนไข ในกรมธรรม์ของบริษัทประกันเท่านั้น

ราคา

  •  ช่วงตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป
  •  พูดแบบภาษาบ้าน ๆ ก็คือ ให้ความคุ้มครอง และ สามารถเคลมได้ทุกกรณีนั่นเอง
  • เหมาะสำหรับรถสภาพที่ดี และ รถมีอายุไม่เกิน 7 ปี หรือ ง่าย ๆ ว่าเหมาะกับ รถที่พึ่งออกมาใหม่นั้นเอง

ข้อควรจำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองเกือบทุกกรณีก็จริงแต่หากบริษัทประกันสืบได้ว่า ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ ตั้งใจที่จะทำให้ “เกิดอุบัติเหตุ” เอง บริษัทมีสิทธิไม่ให้ความคุ้มครองได้ค่ะ

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง สรุปประกันชั้น 1 ครอบคลุมทุกด้าน ติดที่เบี้ยจะสูงหน่อย และ รับประกันแค่รถอายุไม่เกิน 7 ปี

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง ( ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ )

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง มาดูกันค่ะว่าประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง ราคาเบี้ยประมาณการเท่าไหร่ มีข้อจำกัดอย่างไร ?

ประกันภัยรถยนต์ชั้น2+ ให้ความคุ้มครองดังนี้

  • ซ่อมรถคู่กรณี ( หรือ ทรัพย์สิน ) และ ค่ารักษาพยาบาลคู่กรณี ในกรณีรถชนรถเท่านั้น
  • ซ่อมรถเราในกรณีรถชนรถเท่านั้น แต่ค่ารักษาพยาบาลตัวเรา และ ผู้โดยสารของเรายังคุ้มครองเหมือนประกันชั้น 1
  • คุ้มครองกรณี สูญหาย ไฟไหม้ และน้ำท่วม
  • รายละเอียดต่าง ๆ ที่คุ้มครองจะตามเงื่อนไข ในกรมธรรม์ของบริษัทประกันเท่านั้น

ราคา

  • ช่วงตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป
  • พูดแบบภาษาบ้านๆ ก็คือ ให้ความคุ้มครองคล้าย ๆ กับประกันภัยชั้น 1 แต่จะแตกต่างกันที่จะคุ้มครองเราที่เป็นคนเอาประกันในกรณีรถชนรถเท่านั้น รวมถึงข้อจำกัดเรื่องอายุของรถ และ สภาพรถ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำประกันชั้น 1 แต่บริษัทประกันไม่รับ เพราะรถอาจจะเกินอายุ หรือ สภาพไม่ได้ตามที่บริษัทประกันระบุไว้

 ข้อควรจำประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+

  • ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองรถเราในกรณีที่รถชนรถเท่านั้น ในกรณีชนเสาไฟฟ้า ชนต้นไม้ ฯลฯ แบบนี้ไม่คุ้มครอง จำให้แม่น ๆ กันนะคะ ว่า “ รถชนรถ ” เท่านั้น ที่ประกันจะคุ้มครอง และ จ่ายค่าซ่อมให้รถเรา

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง สรุปประกันชั้น 2+ เบี้ยจะถูกกว่าประกันชั้น 1 เกือบเท่าตัว ความคุ้มครองทุกด้านคล้ายประกันชั้น 1 แต่จะคุ้มครองเฉพาะกรณี รถชนรถ เท่านั้น

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง เหมาะกับใคร ?

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง มาดูกันค่ะประกันทั้ง 2 ประเภทนี้เหมาะกับใคร

ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1

จากความคุ้มครองที่มากกว่าของประกันภัยชั้น 1 จึงเป็นรูปแบบการประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของรถหลากหลายประเภท ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง เราจะจำแนกให้ทุกท่านได้ทราบกันดังนี้

– รถใหม่ป้ายแดง รวมถึงรถที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี ด้วยความใหม่จึงเป็นรถที่มีความเสี่ยงสูง เพราะมีโอกาสหายมากกว่ารถเก่า และ ด้วยความใหม่อีกเช่นกันที่ทำให้ผู้ขับขี่ยังไม่มีความคุ้นเคยในการใช้งาน หรือ การบังคับควบคุมรถขณะขับขี่ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นความเสี่ยงที่มากกว่าของรถใหม่

– ผู้ขับขี่มือใหม่ไร้ประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นรถคันใดก็ตาม หากมีมือใหม่หัดขับมาเป็นผู้บังคับขับขี่แล้ว รถคันนั้นจะมีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น การทำประกันภัยชั้น 1 จึงถือว่าเหมาะสมกับผู้ขับขี่มือใหม่มากที่สุด

– รถที่ใช้งานหนัก หรือ ใช้งานเป็นประจำ ความเสี่ยงของรถแต่ละคันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวผู้ขับขี่ หรือ ตัวรถเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานด้วย หากรถใช้งานหนัก วิ่งทางไกล หรือ ใช้เป็นประจำทุกวัน ย่อมส่งผลให้มีค่าความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ดังนั้น รถที่ใช้งานหนักกว่าจึงต้องการความคุ้มครองที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน

ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+

ประกันชั้น 2 พลัส เป็นประกันภัยที่มีความคุ้มครองรองลงมา โดยยังคงได้รับความคุ้มครองหากเป็นกรณีรถสูญหาย หรือ ความเสียหายเกิดขึ้นจากไฟไหม้รถ แต่จะต่างจากประกันภัยชั้น 1 ตรงที่ไม่มีความคุ้มครองในส่วนของความเสียหายทั่ว ๆ ไป หากความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่การชนกับยานพาหนะทางบก โดยประกันภัยประเภท 2 พลัส นั้นเหมาะกับรถที่ใช้งานเป็นประจำแต่จอดในพื้นที่เสี่ยง รถที่ไม่มีที่จอดในที่ที่มีรั้วรอบขอบชิด เช่น จอดไว้หน้าบ้าน หรือ ผู้ที่อาศัยอยู่บ้านตึกแถว ซึ่งจำเป็นต้องจอดรถริมถนน หรือ มีความจำเป็นต้องจอดรถไว้ตามที่สาธารณะเป็นประจำ เช่น รถของผู้ที่มีอาชีพค้าขาย 

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง หากไม่อยากทำประกันภัยชั้น 1 คุณสามารถทำประกันภัยประเภท 2+ ไว้อุ่นใจกว่าเยอะ และ หากเกิดอุบัติเหตุชนกับรถคู่กรณีก็ยังคงได้รับความคุ้มครองสำหรับความเสียหายในส่วนนี้อีกด้วย

ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง ถึงข้อดีทางประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ จะดูเยอะกว่า แต่จริง ๆ แล้วประกันชั้น 1 นั้น มีคำว่า “ ทุกกรณี ” อยู่ซึ่งความหมายตรง ๆ คือรับผิดชอบหมดหากเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งต่างจากประกันชั้น 2+ ที่จะมีกรณียกเว้นที่เราต้องจำให้ดี พอพูดมาถึงตอนนี้ก็อยากแนะนำว่าหากเป็นรถใหม่อายุไม่ถึง 7 ปี ก็ทำประกันชั้น 1 เถอะค่ะ แต่เกินแล้วยังอยากได้ความคุ้มครองที่ดีอยู่ก็ประกันชั้น 2+ ได้เลย ประกันชั้น1กับ2+ต่างกันยังไง มาถึงตอนนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนน่าจะมีทางเลือกการทำประกันรถยนต์อยู่ในใจว่าชอบแบบไหน และ ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์มากที่สุดแล้วนะคะ อย่าลืม เทียบเบี้ยประกันบริษัทเดียวกันกับหลาย ๆ ที่ด้วยนะคะ บริษัทประกันภัยควรต้องเลือกให้ดี ศึกษาอ่านรีวิวจากแหล่งต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจทำประกันรถยนต์ค่ะ