ประกันอสังหาริมทรัพย์ เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครอง เกี่ยวกับตัวอาคารที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคาร หรือคอนโดมิเนียม ทรัพย์สินภายในอาคาร รวมไปจนถึงความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ซึ่งนั่นก็คือเจ้าของบ้าน และด้านเงินชดเชยกรณีการเกิดความเสียหายต่อสถานที่เอาประกันซึ่งทำให้ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ โดยจะคุ้มครอง 6 หมวด ภายใต้กรมธรรม์มาตรฐาน 4 ฉบับนั่นเอง วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ ประกันอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 แบบ นั่นก็คือ ประกันภัยที่อยู่อาศัย และประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย นั้นเอง
ประกันอสังหาริมทรัพย์ ประเภทประกันที่อยู่อาศัย
การทำประกันภัยอาคาร ถือว่าเป็นวิธีการหนึ่งในการป้องกันความเสี่ยงสำหรับที่อยู่อาศัย อย่างอาคารชุด หรือคอนโดมิเนียม ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วทางโครงการจะทำประกันภัยอาคารชุดซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. ประกันภัยความคุ้มครองส่วนกลางของอาคาร ซึ่งถือว่าเป็นการทำประกันภัยที่คิดจากมูลค่าของโครงการนั่น ๆ ซึ่งจะรวมถึงโครงสร้าง พื้นที่ส่วนกลาง facilities ต่าง ๆ งานระบบ ซึ่งจะครอบคลุมไปจนถึงเรื่องของการถูกโจรกรรม และภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น อัคคีภัย อุทกภัยหรือน้ำท่วม พายุ หรือภัยธรรมชาติอื่น ๆ ซึ่งเป็นผลที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวอาคารโดยรวม อุปกรณ์ และงานระบบ รวมถึงทรัพย์สินส่วนต่าง ๆ ของตัวอาคารได้
2. การทำประกันภัยสำหรับบุคคลที่ 3 เป็นประกันภัยที่มีลักษณะที่ทำขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดจากส่วนกลางของอาคารชุด หรือโครงการคอนโดมิเนียม รวมถึงนิติบุคคล แล้วเป็นเหตุไปถึงบุคคลภายนอก หรือบุคคลที่อยู่นอกเหนือจากโครงการ ยกตัวอย่างเช่น การที่เจ้าของอาคารพาเพื่อนมานั่งทำงานที่ส่วนกลางของคอนโด แล้วเกิดอุบัติเหตุหลอดไฟตกใส่ นั่นเอง
ทุนประกันของประกันสังหาริมทรัพย์ คิดยังไง
ประกันภัยสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะมีการพิจารณาทุนประกันและเงื่อนไขในการทำประกันภัยสังหาริมทรัพย์นั้นๆ เนื่องจากทุนประกันภัยโดยรวมนั้นจะเป็นการคำนวณจากความเสียหายในระดับ 100% ซึ่งทำให้มีเงื่อนไขที่จำกัด เช่น ถ้าอาคารชุด หรือโครงการคอนโดมิเนียมอยู่ในพื้นที่แผ่นดินไหว แล้วอาคารเกิดถล่มลงมาทั้งหมด ซึ่งเงื่อนไขของ ประกันอสังหาริมทรัพย์ ก็จะมีการระบุไว้ว่า มีการระบุวงเงินคุ้มครองไว้ที่เท่าไหร่ หากระบุไว้ว่าวงเงินคุ้มครองอยู่ที่ 50 ล้านบาท ผู้ซื้อประกันก็จะได้รับเงื่อนตามจำนวนเงินในเงื่อนไขที่ระบุไว้นั้น
ประกันอสังหาริมทรัพย์ ที่เจอตอนยื่นกู้ซื้ออสังหาริม คือ
ประกันสังหาริมทรัพย์ที่เรามักจะเจอเวลาที่ยื่นกู้ขอซื้ออาคารชุด หรือคอนโดมิเนียมนั้น จะเป็นการทำประกันสังหาริมทรัพย์ของเจ้าของห้อง เนื่องจากการทำประกันภัยของนิติบุคคล ซึ่งเป็น ประกันอสังหาริมทรัพย์ ที่จะไม่รวมถึงความเสียหายของบุคคล หรือเจ้าของห้องเข้าไปด้วย ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่เจ้าของห้องทำของเสียหายแล้วเกิดผลกระทบกับเพื่อนข้างห้องของเรา เจ้าของห้องจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดในการซ่อมแซมเอง หากเจ้าของห้องไม่ได้ทำประกันไว้ ดังนั้น ประกันอสังหาริมทรัพย์ ไว้เพื่อป้องกันและครอบคลุมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนั่นเอง เจ้าของอาคารชุด หรือคนที่ซื้อคอนโดมิเนียมการทำ ประกันอสังหาริมทรัพย์ เป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่จะอาจจะมาจากการเสื่อมสภาพของโครงการหรือหากมีการซ่อมแซม การตกแต่งเพิ่มเติมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั่นเอง
การทำ ประกันอสังหาริมทรัพย์ ความเสียหายที่ควรพิจารณานั้นมีหลัก ๆ 2 เรื่อง คือ
1. การทำประกันอัคคีภัย
การที่เจ้าของห้องทำประกันภัยเอง เพื่อที่จะประกันความเสี่ยงและเป็นการคุ้มครองทรัพย์สินภายในห้อง เนื่องจากการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมนั้นมีพื้นที่จำกัด ถ้าหากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมาอาจไม่สามารถยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ทัน ดังงนั้นกรณีที่เจ้าของห้องมีการกู้ซื้อคอนโดมิเนียมกับธนาคารที่ต้องมีการใช้สินทรัพย์เป็นหลักประกันนั้น จะต้องมีการทำประกันอัคคีภัย ร่วมด้วย ส่วนกรณีเจ้าของห้องที่ซื้อคอนโดแบบที่ไม่ได้กู้ธนาคาร ก็ควรมีประกันอัคคีภัยไว้เพราะถือเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกรณีที่ซื้ออาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่า อุบัติเหตุเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมได้ทันหากผู้เช่าทำความเสียหายเกิดขึ้น ซึ่งการทำประกันอัคคีภัยจะเป็นการประกันความเสี่ยงและความคุ้มครองเพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงและซ่อมแซมนั่นเอง และยังมีการชดใช้ค่าเสียหาย
2. การทำประกันภัยบุคคลที่ 3
การทำประกันภัยบุคคลที่ 3 เป็นการทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สิน ของผู้ที่จะได้รับความเสียหายจากความประมาทของเจ้าของห้องเองหรืออุบัติเหตุที่เกิดจากเจ้าของห้อง ยกตัวอย่างเช่น มีสิ่งของจากห้องของเจ้าของห้องร่วงหล่นไปโดนบุคคลอื่น หรือเกิดอุบัติเหตุที่สร้างความเสียหายไปถึงห้องข้าง ๆ ซึ่งประกันภัยนี้จะมีความคุ้มครองจากการทำประกันภัยบุคคลที่ 3 จะช่วยชำระค่าเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ได้
การทำประกันภัยอาคาร นั้น ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นที่เจ้าของอาคารชุดหรือเจ้าของคอนโดมิเนียมควรทำ เพราะนิติบุคคล หรือฝ่ายจัดการดูแลอาคาร ต้องคอยเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุหรือมีข้อผิดพลาด หรือมีความเสียหายเกิดขึ้น และต้องสังเกตว่ามีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ หรือความเสียหายด้านไหนที่อาจจะเกิดขึ้นได้บ่อย เพื่อที่จะได้หาแนวทางในการป้องกันในระยะยาว และทำประกันภัยให้ครอบคลุมความเสียหายโดยรวมที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และควรที่จะต้องตรวจสอบมิให้เกิดความเสียหายขึ้น เพราะหากผู้ทำประกันมีการเคลมประกันภัยบ่อย ๆ ก็จะทำให้เบี้ยประกันภัยในปีต่อ ๆ มีราคาที่สูงขึ้นจากปีแรกที่ทำนั้นเอง
สำหรับเจ้าของอาคารชุด หรือผู้ที่ซื้อคอนโดมิเนียม ควรที่จะระมัดระวัง และปฏิบัติตามกฎระเบียบในการอยู่อาศัยของนิติบุคคลของอาคารชุด หรือคอนโดมิเนียมอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้น หากเกิดเสียแต่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุจริง ๆ การทำ ประกันอสังหาริมทรัพย์ ไว้ก็จะสามารถช่วยได้มาก และที่สำคัญผู้ซื้อประกันจะต้องศึกษาเกี่ยวกับบริษัทที่จะเลือกทำประกันภัยด้วย ว่าเป็นบริษัทที่เชื่อถือได้ และมีชื่อเสียง ที่สำคัญต้องไว้วางใจได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการทำ ประกันอสังหาริมทรัพย์ กับโบรกเกอร์ที่ธนาคารเสนอมาให้ผู้ซื้อตอนทำสัญญากู้ซื้ออาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมนั้น ส่วนมากจะเป็นประกันที่ทางธนาคารเสนอให้ ซึ่งผู้ซื้อควรสอบถามและศึกษารายละเอียดของตัวประกันภัยต่าง ๆ ก่อนทำการซื้อนั้นเอง