5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง หลายคนมักจะอุ่นใจในการขับขี่รถบนท้องถนนมากขึ้น เมื่อมีประกันรถยนต์คุ้มครองอยู่ เพราะไม่ว่าเราจะขับขี่อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ทางประกันก็จะให้ความคุ้มครองแก่เรา และ คู่กรณี ยิ่งเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 ยิ่งอุ่นใจ 5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง คุณคิดผิด แต่ใช่ว่าทุกกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจะได้รับความคุ้มครองเสมอไป ซึ่งจะมีกรณีใดบ้าง นั้นห้ามเด็ดขาด เพราะทางบริษัทประกันภัยจะไม่ให้การคุ้มครองใด ๆ อีกทั้งยังต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย เช่น กรณีเมาแล้วขับ ดังนั้นการเมาแล้วขับ ไม่ได้เป็นผลดีต่อท่านเลย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา วันนี้เราลองมาดูกันดีกว่าว่า 5 สิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะประกันรถยนต์ไม่คุ้มครอง จะมีอะไรกันบ้าง ? และ โทษทางกฎหมายล่าสุดกรณีเมาแล้วขับ กับ กรณีไม่มีใบขับขี่ มีบทลงโทษเพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง ? มาดูกัน
5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง มีอะไรบ้าง ?
5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง ?
- เมาแล้วขับ หากคุณเมาแล้วขับ ( มีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ) นอกจากจะผิดกฎหมายการจราจรแล้ว หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาคุณก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยด้วย
- นำรถไปใช้ลากจูง หากคุณนำรถของคุณไปใช้เพื่อลากจูงรถคันอื่น ทางบริษัทประกันภัยจะถือว่าเป็นการใช้งานรถยนต์ผิดประเภท หากเกิดความเสียหายขึ้นมากับตัวรถทางบริษัทประกันภัยก็จะไม่ให้การคุ้มครองใด ๆ เลย ยกเว้นรถลากจูงที่ทำประกันภัยในด้านนี้มาโดยเฉพาะ
- นำรถยนต์ไปใช้ในทางผิดกฎหมาย หากคุณนำรถยนต์ไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำไปเป็นยานพาหนะเพื่อให้ปล้นทรัพย์ หรือขนสิ่งของผิดกฎหมาย แล้วเกิดอุบัติเหตุ หรือ ความเสียหายกับตัวรถขึ้นมาในขณะนั้น ทางบริษัทประกันภัยก็จะไม่ให้กับคุ้มครองใด ๆ กับคุณเลย
- ไม่มีใบขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นถึงผู้ที่ไม่เคยทำใบขับขี่มาก่อน หรือ เคยมีแต่ถูกตัดสิทธิ์ตามกฎหมาย หากนำรถยนต์ออกไปใช้แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย แต่หากคุณมีใบขับขี่อยู่แล้ว แต่ลืมใบขับขี่ ใบขับขี่หาย หรือใบขับขี่หมดอายุ ก็จะยังได้รับความคุ้มครองได้ตามปกติ เพียงแต่อาจจะถูกตำรวจเรียกตรวจ และ ถูกปรับได้ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ดังนั้นแนะนำให้พกติดตัวเอาไว้ตลอดดีกว่า
- นำรถไปใช้งานนอกเหนือจากที่จดกรมธรรม์ไว้ หากคุณนำรถยนต์ที่ทำประกันภัยไว้ไปใช้งานนอกเหนือจากที่จดกรมธรรม์ไว้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาคุณก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย เช่น คุณจดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล แต่นำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้เพื่อขนของ การนำไปใช้เพื่อรับส่งผู้โดยสาร เป็นต้น
5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ คือสิ่งที่ผู้ขับขี่รถห้ามเด็ดขาด หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ท่านต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเอง เพราะประกันจะไม่รับผิดชอบใด ๆ อีกทั้งยังต้องระวังโทษทางกฎหมายด้วย เช่น กรณี เมาแล้วขับ เป็นต้น
5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง รู้หรือยังว่าเมาแล้วขับเจอโทษหนักขึ้นกว่าเดิม
5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง รู้หรือยังว่า เมาแล้วขับเจอโทษหนักขึ้นกว่าเดิม เรื่องสำคัญที่นักดื่มต้องเตือนตัวเอง ถ้าเมาแล้วอย่าขับรถ
ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ติดอันดับต้น ๆ การเกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ แม้ทางรัฐเองก็มีกฎหมายข้อบังคับต่าง ๆ ออกมาเพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุเหล่านี้ แต่ก็ดูเหมือนว่ายังไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนัก เมื่อดูจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุเกิดจากการเมาแล้วขับยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเรา จึงนำข้อมูลเรื่องข้อกฎหมาย และ อัตราค่าปรับมาแจกแจงให้นักดื่มได้รับรู้กัน
โดยเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 รัฐมนตรีได้อนุมัติ พ.ร.บ.จราจรฉบับใหม่มาเป็นที่เรียบร้อย และ เพิ่มบทลงโทษสำหรับกรณีเมาแล้วขับ จากเดิมจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท เป็นอัตราบทลงโทษใหม่ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับขั้นต่ำ 10,000 ถึง 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ มีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ เพิกถอนใบอนุญาต จนถึงการยึดรถที่ใช้ไม่เกิน 7 วัน
นอกจากบทลงโทษของผู้ที่เมาแล้วขับแล้ว หากเกิดเหตุจนทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกาย หรือ จิตใจ ยังมีโทษ จำคุก 1 – 5 ปี ปรับ 20,000 – 100,000บาท และ พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือ ถูกเพิกถอนไปเลย
และ หากเมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับอันตรายอย่างสาหัส จะมีโทษเพิ่มขึ้นเป็น จำคุก 2 – 6 ปี ปรับ 40,000 – 120,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือ เพิกถอน แต่หากผู้นั้นถึงแก่ความตาย โทษจะเปลี่ยนเป็น จำคุก 3 – 10 ปี ปรับ 60,000 – 200,000 บาท รวมทั้งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง ฉะนั้น ขอแนะนำว่าหากเรารู้ตัวว่าจะต้องขับขี่เดินทางก็ไม่ควรดื่ม หรือ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์จะดีที่สุด เพราะตามกฎหมายแล้ว หากเรามีแอลกอฮอล์ เกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ในร่างกาย หากถูกเรียกเพื่อขอตรวจวัดแล้วพบค่าเกินก็ถือว่ามีความผิด
5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง เพิ่มโทษ แก้กฎหมายใหม่ ขับรถไม่มีใบขับขี่
5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง กรมการขนส่งทางบก เสนอยกร่างกฎหมายใหม่ให้ทันสมัย และ สอดคล้องพฤติกรรมคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องใบขับขี่ หากขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ มีโทษปรับสูงสุดถึง 5 หมื่นบาท หรือ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน จากเดิมโทษปรับสูงสุด 1 พันบาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน โดยร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ฉบับใหม่ เป็นการรวมกฎหมาย 2 ฉบับเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดความทันสมัยมากขึ้น สาระสำคัญ เช่น ประเภทของรถจะมีการระบุลงไปถึงรายละเอียดมากขึ้น มีการแยกประเภทชัดเจน นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มโทษในบางฐานความผิด โดยเฉพาะกรณีของใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ เช่น
– หากขับรถโดยไม่มีใบขับขี่เดิมอัตราโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท แก้ไขเป็น จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
– ขับขี่รถโดยไม่ยอมแสดงใบขับขี่เมื่อถูกเจ้าพนักงานเรียกตรวจ เดิมปรับไม่เกิน 1,000 บาท แก้เป็น ปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง ทั้งนี้ หาก ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ฉบับใหม่ ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว กรมการขนส่งทางบกจะได้มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะควบคู่ไปกับกระบวนการตราออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป
5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เมื่อรู้กันอย่างนี้แล้วแนะนำว่าอย่าทำตามข้อห้ามเหล่านี้เลยจะดีกว่า เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา คุณอาจจะต้องควักเงินของตัวเองเต็ม ๆ ขึ้นมาจ่ายเป็นค่าซ่อมรถ เพราะทางประกันภัยไม่ให้ความคุ้มครอง ซึ่งเมื่อเห็นจำนวนเงินแล้วคุณอาจจะต้องจ่ายเพื่อเป็นค่าซ่อมรถเองแล้ว คุณอาจจะยิ้มไม่ออกเลยก็ได้ ขับขี่อย่างมีมารยาท และ เคารพกฎหมายจราจรดีที่สุด อีกทั้งยังไม่ต้องได้รับโทษทางกฎหมาย อาทิ กรณี เมาแล้วขับ และ กรณีไม่มีใบขับขี่ เนื่องจากปัจจุบันมีการปรับโทษให้หนักขึ้น ดังที่เราได้นำเสนอข้างต้น 5สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเพราะประกันภัยจะไม่คุ้มครอง เพื่อให้การใช้งานรถของคุณนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ยิ่งถ้าคุณไม่ได้ทำประกันภัยรถยนต์ไปด้วย หากเป็นฝ่ายผิดจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายเข้าไปอีก ทั้งนี้ใช่ว่ามีประกันรถยนต์จะช่วยคุ้มครองคุณทุกกรณี หากคุณไม่ปฏิบัติตามกฎเหล็ก 5 ข้อข้างต้นนี้