ประกันสุขภาพ คือ การประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยตกลงกับบริษัทรับทำประกันภัย ว่าจะต้องทำการจ่ายชดเชยเงินค่ารักษาพยาบาล ที่เกิดขึ้นจริงจากการรักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาที่เกิดขึ้น ด้วยจากการเจ็บป่วย หรือว่าค่ารักษาที่เกิดขึ้นจากการเกิดอุบัติเหตุแก่ผู้เอาประกันภัย ซึ่งผู้เอาประกันภัยสามารถที่จะซื้อ ประกันสุขภาพ ได้จากบริษัทประกันชีวิต หรือบริษัทประกันวินาศภัยก็ได้
ประโยชน์ของการทำ ประกันสุขภาพ ในยุคปัจจุบัน
การทำ ประกันสุขภาพ จะเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความเสี่ยง ที่จะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ทั้งในยามเจ็บป่วยและการเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน ซึ่งเราสามารถที่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใดก็ได้ โดยบริษัทประกันจะทำการออกค่าใช้จ่ายให้เราตามที่ได้ตกลงกันไว้ในกรมธรรม์ แน่นอนว่าสำหรับผู้ที่มี ประกันสุขภาพ เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องนอนในโรงพยาบาล ย่อมที่จะได้รับการอำนวยความสะดวกมากกว่าการเข้ารับการรักษาด้วย สิทธิบัตรทอง หรือประกันสังคม เพราะว่าสามารถเลือกเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้ ซึ่งมีอุปกรณ์การแพทย์ครบครัน และยังไม่ต้องรอคิวในการรักษานาน
ประกันสุขภาพ กับความคุ้มครองเบื้องต้นที่ควรทราบ
ในกรณีที่ลูกค้าได้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหรือมีเหตุที่ทำให้เกิดโรค หรือแม้กระทั่งเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นและทำให้เกิดการบาดเจ็บเล็กน้อยถึงขั้นรุนแรง เรามาดูกันว่าเบื้องต้น ประกันสุขภาพ เค้าสามารถให้ความคุ้มครองอย่างไรบ้างแต่ละกรณี ดังนี้
ในกรณีที่ลูกค้าต้องมีการ admit นอนโรงพยาบาล มักจะมีค่าใช้จ่ายมากมายหลายอย่าง ซึ่งทาง ประกันสุขภาพ ก็จะให้ความคุ้มครองกับลูกค้าไม่ว่าเป็น ค่าห้องพักรักษาตัว ค่าแพทย์สำหรับรักษา ค่ายาในแต่ละวัน ค่าอาหารในแต่ละมื้อ ค่าพยาบาลเฝ้าวอร์ด และอีกหลายๆอย่าง โดยประกันจะจ่ายให้อยู่แล้วเนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ประกันต้องรับผิดชอบ ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงมากเนื่องจากต้องคุ้มครองหลายอย่าง
สำหรับลูกค้าที่เจ็บป่วยขั้นต่ำหรือเกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุฉุกเฉิน และไม่ต้องถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ยกตัวอย่างเช่น ปวดหัว ปวดท้อง ท้องเสีย เป็นลม หมดสติ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกตามราคาที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าได้เลยโดย ประกันสุขภาพ ก็จะมีแบบหลายชนิด ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อครั้งในการไปโรงพยาบาลในกรณีผู้ป่วยนอกก็จะไม่ได้ราคาสูงมาก ส่วนเรื่องความคุ้มครอง ลูกค้าก็สามารถเลือกได้อีกเช่นกันว่าอยากได้ความคุ้มครองอย่างไร ความคุ้มครองก็สามารถซื้อได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว อยู่ที่ลูกค้าเท่านั้น
ความคุ้มครองใน ประกันสุขภาพ นั้น ในเล่มกรมธรรม์แต่ละเล่มก็จะมีการกำหนดความคุ้มครองอยู่แล้วว่าสามารถขยายความคุ้มครองได้ซึ่งอยู่ในเอกสารแนบท้าย และสามารถซื้อเพิ่มเติมได้ ดังนี้
- การรักษาทันตกรรม
- การรักษาตัวในกรณีที่มีค่ารักษาที่สูง
- การคลอดบุตร ให้ความคุ้มครองสามารถคุ้มครองได้ทุกค่าใช้จ่าย
- ศูนย์บริการพยาบาลพิเศษ ให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการจ้างพยาบาลพิเศษได้ทุกค่าใช้จ่าย
ประกันสุขภาพ ยังสามารถซื้อความคลุ้มคลองแยกได้เพิ่มอีก
นอกจากนี้ ประกันสุขภาพ ยังสามารถแบ่งประเภทได้หลายประเภทและยังมีความคุ้มครองอื่นอีก โดยการซื้อความคลุ้มคลองเพิ่มเติมจากกรมธรรม์หลัก ดังนี้
เป็น ประกันสุขภาพ ที่สามารถคุ้มครองโรคร้ายได้เป็นโรคเฉพาะ ซึ่งต้องโรคที่มีแพทย์ในการรักษา โดยมีการรองรับในค่าใช้จ่ายสูงรวมไปถึงการเกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงจนถึงขั้นผ่าตัด
เป็น ประกันสุขภาพ ที่สามารถครอบคลุมได้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่ขั้นบาดเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงขั้นเสียชีวิตหรือพิการ
เป็น ประกันสุขภาพ ที่ทางบริษัทจะมีการจ่ายค่าชดเชยให้ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่หรือแม้กระทั่งการเกิดอุบัติเหตุ ที่ถึงขั้นในช่วงนั้นไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ หรือไม่สามารถไปทำงานได้
สิ่งที่หลายคนส่วนใหญ่ไม่รู้เกี่ยวกับ ประกันสุขภาพ มีอะไรบ้าง
ประกันอุบัติเหตุสามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้ภายในเวลา 24 ชั่วโมงแรก และหากเกินเวลา 24 ชั่วโมงไปแล้วประกันจะไม่คุ้มครอง เพราะฉะนั้นรีบไปพบแพทย์หลังจากเกิดอุบัติเหตุทันที หรือแจ้งแพทย์ว่าพึ่งเกิดอุบัติเหตุมาเมื่อไม่นานมานี้ได้ เพื่อให้ประกันยังคงคุ้มครองในค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นอยู่
ในกรณีนี้จะเป็นการรักษาด้วย 21 โรค ที่ในอดีตเคยมีความจำเป็นจะต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้สามารถรักษาแล้วกลับบ้านได้เลย จะด้วยการส่องกล้องผ่าตัดหรือการรักษาอื่น ๆ ซึ่งบริษัท ประกันสุขภาพ ที่ทำไว้จะเป็นผู้จ่ายค่ารักษาในส่วนนี้ 21 โรคที่บริษัทประกันภัยรับให้เป็น day case มีดังนี้
- การสลายนิ่ว
- การตรวจเส้นเลือดหัวใจโดยการฉีดสี
- การผ่าตัดต้อกระจก
- การผ่าตัดโดยการส่องกล้องทุกชนิด
- การตรวจโดยการส่องกล้องทุกชนิด
- การผ่าตัด หรือเจาะไซนัส
- การรักษาริดสีดวงทวารโดยการฉีดยาหรือผูก
- การตัดก้อนเนื้อที่เต้านม
- การตัดชิ้นเนื้อจากกระดูก
- การตัดชิ้นเนื้อเพื่อการวินิจฉัยจากอวัยวะใด ๆ
- การตัดนิ้วมือหรือนิ้วเท้า
- การจัดกระดูกให้เข้าที่
- การเจาะตับ
- การเจาะไขกระดูก
- การเจาะช่องเยื่อหุ้มไขสันหลัง
- การเจาะช่องเยื่อหุ้มปอด
- การเจาะช่องเยื่อบุช่องท้อง
- การขูดมดลูก
- การตัดชิ้นเนื้อจากปากมดลูก
- การรักษา Bartholin’s Cyst
- การรักษาด้วยรังสีแกมมา
บริษัท ประกันสุขภาพ ทั้งหมด จะมีระยะเวลา 30 วันหลังจากที่กรมธรรม์อนุมัติ สำหรับโรคเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ และหากเป็นโรคร้ายแรงหรือโรคเฉพาะทางอาจจะใช้เวลาถึง 90 วันในการรับคุ้มครองเลยทีเดียว และสิ่งที่สำคัญอย่างมากที่ผู้ทำ ประกันสุขภาพ ควรต้องรู้ นั่นก็คือ บริษัทประกันจะปฏิเสธโรคที่เคยเป็นมาก่อนที่เราจะทำ ประกันสุขภาพ ตัวอย่างเช่น มีอาการป่วยเป็นโรคกระเพาะและได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลหรือแพทย์วินิจฉัยในประวัติว่าเป็นโรคกระเพาะมาก่อน บริษัทประกันก็จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่าย หากว่าจำเป็นจะต้องนอนโรงพยาบาล หรือมีการส่องกล้องเพื่อรักษา ซึ่งอยู่ใน 21 โรค day case ไม่ต้องนอนก็เบิกได้ ทางที่ดีทุกคนควรทำ ประกันสุขภาพ เมื่อตอนที่ร่างกายแข็งแรงจะดีที่สุด
จะซื้อ ประกันสุขภาพ อย่างไรให้คุ้มค่ามากที่สุด
ประกันสุขภาพ จะเป็นเบี้ยที่ต้องจ่ายแบบปีต่อปี หากปีไหนไม่ได้จ่ายก็จะไม่คุ้มครอง และยิ่งหากว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงว่าจะสุขภาพไม่ดี เช่นมีโรคประจำตัว หรือเป็นคนอ้วนที่มีน้ำหนักตัวมาก ก็จะยิ่งทำ ประกันสุขภาพ ยากยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าหากถามว่าจะซื้อ ประกันสุขภาพ ยังไงให้คุ้มค่ามากที่สุด แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้ เรื่องราคาการทำ ประกันสุขภาพ ของแต่ละบริษัท เราสามารถค้นหาได้เองจาก internet เพื่อเปรียบเทียบกับหลาย ๆ เจ้า แต่หากต้องการความคุ้มค่ามากที่สุด ผู้เขียนขอแนะนำให้ทำ ประกันสุขภาพ กับบริษัทไหนก็ได้ แต่ต้องเริ่มทำต้องแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าโรคภัยจะถามหาเราเมื่อไหร่ และเมื่อวันนั้นมาถึงหากท่านมี ประกันสุขภาพ ไว้สักฉบับ แน่นอนว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างมากมายแน่นอน
ประกันสุขภาพ ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในชีวิตของมนุษย์ทุกคนก็ว่าได้ เพราะไม่มีใครที่จะหลีกหนีจากความเจ็บป่วยได้อย่างแน่นอน เมื่อวันนั้นมาถึงหากว่าในมือมี ประกันสุขภาพ เตรียมไว้ก็จะเป็นการช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก