ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง อุบัติเหตุนั้น เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หากคุณขับรถชน ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายถูก เราสามารถเรียก “ ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม ” จากบริษัทประกันของคู่กรณีได้ น้อยคนนักที่จะรู้ความหมาย และ ไม่รู้ว่ามีสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้ด้วย ทำให้เสียผลประโยชน์ในส่วนนี้ไป เช่น คุณต้องใช้รถยนต์ไปทำงานทุกวัน หากคุณไม่มีรถใช้ระหว่างซ่อม ก็จะต้องใช้บริการรถแท็กซี่เอง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเดินทางส่วนนี้เราก็สามารถเรียกร้องจากประกันคู่กรณีได้เช่นกัน ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง แล้วค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ คืออะไร และ ต้องเตรียมเอกสารใดบ้าง ในการขอรถใช้ระหว่างซ่อม เราได้รวบรวมมาฝากแล้ว ดังบทความที่จะนำเสนอดังต่อไปนี้ค่ะ
ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง ( ค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ คืออะไร ) ?
ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง ทำไมเวลาโดนรถคู่กรณีชน บริษัทประกันภัย คู่กรณีถึงไม่เคยเอ่ยถึงค่าขาดประโยชน์ระหว่างรถคุณรอซ่อมที่อู่ เพราะน้อยคนนักที่จะรู้ความหมาย และ ไม่รู้ว่ามีสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้ด้วย บอกเลยว่าเราจะไม่ยอมให้คุณเสียสิทธิ์ตรงนี้ ดังนั้นมาทำความเข้าใจกับค่าขาดประโยชน์ระหว่างรอซ่อม และ วิธีทำการยื่นขอค่าขาดประโยชน์ ฯ แบบง่าย ๆ ไม่ให้ทุกท่านเสียสิทธิ์กัน ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง “ ค่าขาดประโยชน์ระหว่างรอซ่อม ” พูดง่าย ๆ คือ ค่าสินไหมที่คุณ ( ฝ่ายถูก ) ต้องได้จากคู่กรณี ( ฝ่ายผิด ) ระหว่างที่รถของคุณรอซ่อม ทั้งเวลา และ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตอนที่ไม่มีรถ เช่น คุณใช้รถยนต์เป็นประจำทุกวันเมื่อไม่มีรถใช้แล้ว ต้องใช้บริการรถสาธารณะอื่น ๆ แทน ทั้งรถแท็กซี่ รถเมล์ รถไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นส่วนที่เราสามารถเรียกร้องได้จากประกันของรถคู่กรณี
ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง ( ขั้นตอนการเรียกเงินชดเชยใช้ระหว่างรอซ่อม )
ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง เมื่อรถคุณเข้าเกณฑ์ดังกล่าวแล้วก็อย่ารอช้า เตรียมยื่นเรื่องเรียกเงินชดเชยระหว่างรอซ่อมได้เลย โดยมีขั้นตอนดังนี้
- แจ้งบริษัทประกันของคู่กรณี เพื่อยื่นเรื่องเรียกค่าขาดประโยชน์จากการไม่มีรถใช้ระหว่างซ่อม 2. ส่งเอกสารให้บริษัทประกันของคู่กรณี เช่น ใบเสนอรายการความเสียหายของรถยนต์ , ใบเคลม , สำเนาตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ , สำเนาทะเบียนรถยนต์ , สำเนาใบขับขี่รถยนต์, ใบรับรถ หรือ หนังสือส่งมอบรถเสร็จ , รูปถ่ายตอนซ่อมรถ , หนังสือเรียกร้องสินไหมค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ และ สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร ซึ่งทุกเอกสารต้องมีสำเนาอย่างละ 1 ชุด พร้อมเซ็นกำกับสำเนาถูกต้อง
- รอเจ้าหน้าที่บริษัทประกันของคู่กรณีติดต่อกลับมา เพื่อต่อรองค่าขาดประโยชน์
- เมื่อตกลงค่าเสียหายได้แล้ว รอประมาณ 7 วัน ก็จะได้รับค่าขาดประโยชน์ตามที่ตกลงกันไว้ และ หากบริษัทประกันของคู่กรณี ไม่ยอมจ่ายค่าขาดประโยชน์ หรือ ตกลงไม่ได้ คุณสามารถส่งเรื่องฟ้องต่อไปยัง คปภ. ให้ช่วยดำเนินการได้ทันที
ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง และ เมื่อไม่นานมานี้ก็มีข่าวดีจากประกาศของ คปภ.( สำนักงานคณะกรรมการการกำกับ และ ส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ) ที่สั่งประกันจ่ายค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถไม่ต่ำกว่าวันละ 500 บาท โดยมีอัตราค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ
- รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท
- รถยนต์รับจ้างสาธารณะขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 700 บาท
- รถยนต์ขนาดเกินกว่า 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท
ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง ( เอกสารที่ต้องใช้การขอค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ )
ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง เอกสารที่ต้องใช้การขอค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ มีดังนี้
- ใบเสนอรายการความเสียหายของรถยนต์
- ใบเคลม ( ใบรับรองความเสียหายต่อทรัพย์สิน )
- สำเนาตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
- สำเนาทะเบียนรถยนต์
- สำเนาใบขับขี่รถยนต์
- ใบรับรถ หรือ หนังสือส่งมอบรถเสร็จ
- รูปถ่ายตอนซ่อมรถ
- หนังสือเรียกร้องสินไหม
- สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร
ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง อย่าลืมเตรียมเอกสารข้างต้นให้พร้อม ก่อนขอค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถนะคะ
ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ให้กับหลาย ๆ ท่าน หากเกิดอุบัติเหตุ และ มีคู่กรณีสามารถเรียกค่าเสียหาย เรื่องการขาดผลประโยชน์เรื่องการใช้รถได้ ตามวิธีข้างต้นนี้นะคะ เมื่อรู้วิธี และ ขั้นตอนการยื่นเรื่องเตรียมเอกสารกันแล้ว อย่าลืมที่จะเรียกร้องสิทธิ์กันด้วยนะคะ ทั้งนี้อย่ามองข้ามการทำประกันรถยนต์ อย่างน้อยก็ยังมีเจ้าหน้าที่คอยทำหน้าที่แทนท่านทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ หากใครกำลังหาประกันรถยนต์ดี ๆ ที่ครอบคลุมที่สุดแล้วล่ะก็ คงหนีไม่พ้นประกันรถยนต์ชั้น 1 แน่นอน ขอรถใช้ระหว่างซ่อมใช้เอกสารอะไรบ้าง และ อย่าลืมเปรียบเทียบประกันภัยหลาย ๆ บริษัท เพื่อที่จะได้เบี้ยประกันที่ถูก และ คุ้มค่าสำหรับท่านที่สุด สิ่งสำคัญทุกครั้งที่ทำประกันต้องอ่านรายละเอียดให้ครบถ้วนอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้มีปัญหาในการเคลมประกันภายหลังนั่นเองค่ะ