ประกันน้ำท่วมบ้าน และ ประกันอัคคีภัยต่างกันอย่างไร เหตุใดจึงต้องทำประกันเพิ่มเติมเอง

ประกันน้ำท่วมบ้าน

เมื่อเราทำประกันที่อยู่อาศัย หลายคนอาจจะยังสับสนได้ว่า ประกันน้ำท่วมบ้าน  และ ประกันอัคคีภัย เป็นประกันชนิดเดียวกัน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะ ประกันอัคคีภัย จะเป็นการทำประกันภัยสำหรับที่อยู่อาศัยเท่านั้น ที่กฎหมายบังคับให้ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ ทำเพื่อป้องกันภัยจากไฟเป็นหลักนั่นเอง โดยจะให้ความคุ้มครองในระยะสั้น ประมาณ 1 – 3 ปีเท่านั้น ซึ่งค่าเบี้ยประกันนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท โดยจะให้ความคุ้มครองภัยหลัก ๆ 6 อย่าง ได้แก่ ระเบิด ไฟไหม้ ภัยจากอากาศยาน ฟ้าผ่า ภัยจากยานพาหนะ และ ภัยเนื่องจากน้ำ ที่เกิดขึ้นจากสาเหตุ ถังน้ำ น้ำรั่ว น้ำไหลล้นจากท่อน้ำ หรือน้ำฝนที่ผ่านเข้าทางท่ออากาศที่ชำรุด แต่จะไม่รวมน้ำท่วม จากภัยธรรมชาตินั่นเอง นั่นหมายความว่า ประกันอัคคีภัย จะไม่ครอบคลุมกรณีน้ำท่วม ที่มาจากภัยธรรมชาติ และ ท่อประปาที่แตกจากนอกอาคาร ฉะนั้นหากคุณต้องการเคลมประกัน จากเหตุการณ์น้ำท่วมจากธรรมชาติ คุณจะต้องทำประกันเพิ่มเติมนั่นเอง ให้ครอบคลุมกรณีน้ำท่วม จากภายนอกเพิ่มเติมเอง โดยปัจจุบันมีหลายบริษัทที่เปิดขายเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ประกันภัยพิบัติ  หรือประกันน้ำท่วมโดยเฉพาะ จะช่วยคุ้มครองเพิ่มเติม เมื่อเกิดจากภัยธรรมชาติต่าง ๆ ได้แก่ ภัยน้ำท่วม ภัยแผ่นดินไหว ภัยลมพายุ ภัยลูกเห็บ สึนามิ หรือตามรายละเอียดในกรมธรรม์ โดยจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป ตามการเลือกของแต่ละกรมธรรม์นั่นเอง

ประกันน้ำท่วมบ้าน แนะนำแผนประกันน้ำท่วม จาก 2 บริษัทชั้นนำ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีบ้าน อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ หรือต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมจากเหตุการณ์ที่มาจากภัยน้ำ และ กำลังมองหา ประกันน้ำท่วมบ้าน วันนี้มีมาแนะนำ 2 บริษัท ที่มีแผนประกันที่หลากหลาย มีเบี้ยที่เลือกจ่ายได้ตามความเหมาะสม มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

  1. ประกันจาก ทิพยประกันภัย

นั่นก็คือ ประกันบ้านแสนรัก จาก ทิพยประกันภัย โดยมีระยะความคุ้มครอง 1 ปี และ มีถึง 3 แผนด้วยกัน ประกันหลักรวมความคุ้มครอง จากภัยลมพายุ ภัยแผ่นดินไหว ภัยน้ำท่วม ภัยลูกเห็บ โดยให้ความคุ้มครองรวมกันทั้ง 4 ภัย ไม่เกิน 20,000 บาท สามารถซื้อแผนประกันภัยน้ำท่วมเพิ่มได้ คิดเป็น 10% ของทุนประกันหลัก 

  • แผนที่ 1 ราคา 1,800 บาทต่อปี ด้วยวงเงินประกันสูงสุด 1,000,000 บาท ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วมเพิ่มเติม 100,000 บาท 
  • แผนที่ 2 ราคา 2,800 บาทต่อปี ด้วยวงเงินประกันสูงสุด 1,500,000 บาท ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วมเพิ่มเติม 150,000 บาท 
  • แผนที่ 3 ราคา 3,800 บาทต่อปี ด้วยวงเงินประกันสูงสุด 2,000,000 บาท ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วมเพิ่มเติม 200,000 บาท
  1. ประกันจาก ไทยประกันชีวิต

ประกันภัยบ้าน Happy Guardian จาก ไทยประกันภัย โดยมีระยะความคุ้มครอง 1 ปี มีด้วยกันทั้งหมดถึง 4 แผน โดยประกันหลัก ๆ จะให้ความคุ้มครอง ทั้งอัคคีภัยตามจำนวนเงินเอาประกัน และคุ้มครองภัยธรรมชาติถึง 7 ชนิด แต่รวมกันทั้งหมดจะต้องไม่เกิน 20,000 บาท โดยสามารถทำประกันขยายภัยเกี่ยวกับน้ำท่วม เพิ่มเติมได้ ดังนี้

  • แผนที่ 1 ราคา 1,169.51 บาทต่อปี ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วม เพิ่มเติมถึง 100,000 บาท 
  • แผนที่ 2 ราคา 2,702.82 บาทต่อปี ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วม เพิ่มเติมถึง 300,000 บาท
  • แผนที่ 3 ราคา 4,235.06 บาทต่อปี ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วม เพิ่มเติมถึง 500,000 บาท
  • แผนที่ 4 ราคา 8,049.61 บาทต่อปี ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วม เพิ่มเติม 1,000,000 บาท

ประกันน้ำท่วมบ้าน มีขั้นตอนเคลมประกันเบื้องต้น อย่างไรบ้าง

หากบ้านของคุณเจอกับภัยน้ำท่วม และ ได้มีการทำประกันเกี่ยวกับน้ำท่วมเพิ่มเติมไว้แล้ว หลังจากที่ต้องจัดการสิ่งของในบ้านให้พ้นจากน้ำแล้ว จัดการข้าวของต่าง ๆ แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นั่นก็คือ อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าแล้ว ก็สามารถทำการเตรียมหลักฐานต่าง ๆ ไว้สำหรับเคลม ประกันน้ำท่วมบ้าน ได้เลย โดยมีเอกสาร หรือหลักฐานต่าง ๆ เบื้องต้น ดังนี้ 

  1. ควรถ่ายรูปไว้ ทั้งระหว่างน้ำท่วม และ หลังจากน้ำลดแล้ว เมื่อเกิดเหตุต้องรีบแจ้งให้บริษัทประกันรับทราบทันที 
  2. คุณต้องเตรียมหลักฐาน และ เอกสารให้บริษัทประกัน ให้เร็วที่สุด ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เกิดความเสียหาย ได้แก่
  • ภาพถ่ายความเสียหาย ถ่ายสภาพทั่วไปของสถานที่เอาประกันภัย และ บริเวณที่ได้รับความเสียหายต่าง ๆ 
  • หนังสือเรียกร้องความเสียหาย ซึ่งจะต้องแจ้งรายละเอียดทรัพย์สิน และ มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด
  • หากทำประกันภัยบ้าน หรือทรัพย์สินเอาไว้ กับบริษัทประกันภัยอื่นมากกว่า 1 บริษัท จะต้องแจ้งให้บริษัทประกันทราบด้วยทุกครั้ง
  1. ให้เตรียมเอกสาร หลักฐานเพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้องตามที่บริษัทประกันได้ร้องขอเอาไว้ อาทิเช่น เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่เอาประกันภัย สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น

ประกันน้ำท่วมบ้าน มีทั้งหมดกี่รูปแบบ และให้ความคุ้มครองอย่างไรบ้าง

การที่คุณต้องการที่จะทำประกันบ้านนั้น เพื่อให้ความคุ้มครอง ในกรณีเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมบ้าน คุณสามารถทำได้ทั้ง 3 รูปแบบหลัก ๆ นั่นก็คือ

  • การซื้อประกันเพิ่มเติม 

เป็นการซื้อประกันใหม่ เพื่อต้องการที่จะขยายความคุ้มครองให้มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งแต่ละบริษัทประกันนั้น ก็จะมีรายละเอียดในกรมธรรม์ ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละแผนที่คุณได้เลือกไว้อีกด้วย

  • ประกันอัคคีภัย 

เป็นประกันสำหรับ คนที่กู้ธนาคารเพื่อซื้อบ้านนั่นเอง โดยทุกคนจะต้องทำอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีทั้งคนที่ยังเข้าใจผิดคิดว่าภัยเนื่องจากน้ำ ก็คือ ประกันน้ำท่วมบ้าน ซึ่งจะได้เงินชดเชยเต็มวงเงินประกันเลย แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แต่อย่างใด รวมถึงยังมีบางคนที่ยังไม่ทราบอีกว่า ประกันอัคคีภัยก็มีความคุ้มครอง เรื่องน้ำท่วมอยู่แล้วด้วยเช่นกัน แต่จะจำกัดวงเงินอยู่แค่เพียง 20,000 บาทต่อปี เท่านั้นเอง

  • ประกันภัยพิบัติ 

ถูกจัดตั้งโดยรัฐบาล โดยได้ใช้เฉพาะในช่วงเวลาที่มีการประกาศใช้เท่านั้น ซึ่งหากใครที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือได้รับผลกระทบโดยตรง จากภัยธรรมชาติตามที่กำหนดเป็นประจำ แนะนำให้ทำเอาไว้ เนื่องจากมีเบี้ยประกันที่ค่อนข้างถูกเพียง 0.5% เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาล จะต้องการเยียวยา และ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนอยู่แล้วนั่นเอง

ทุกครั้งที่มีภัยน้ำท่วมเกิดขึ้น หรือมีเหตุน้ำท่วมบ้าน ที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และ ตัวบ้านโดยตรง เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่ากังวลไม่น้อย สำหรับเหตุการณ์ธรรมชาติ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงเหล่านี้สามารถป้องกันได้ ด้วยการวางแผนเพิ่มเติมด้วยการทำ ประกันน้ำท่วมบ้าน สำหรับที่อยู่อาศัยของเราไว้ล่วงหน้า โดยจะให้ความคุ้มครองโดยตรง ซึ่งจะต่างจากประกันอัคคีภัย ที่จะคุ้มครองเกี่ยวกับไฟ แต่ไม่ได้คุ้มครองในเรื่องของ ภัยน้ำท่วม หากคุณกำลังพิจารณาบริษัทประกัน หรือแผนประกันอยู่นั้น สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่นี่ เพราะเรื่องน้ำท่วม เป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถรับรู้ล่วงหน้าได้เลยว่า จะเกิดขึ้นเมื่องไหร่ หากเรามีประกันเพิ่มเติม ไว้สำหรับน้ำท่วมแ้ว ก็จะอุ่นใจขึ้นมาไม่น้อยเลยที อีกทั้งยังสามารถทำการเคลมได้ ตามวิธีด้านบนที่ได้แบ่งปันไว้ รวมถึงมีเอกสาร และ หลักฐานใดบ้างที่คุณจะต้องใช้ในการเคลมนั่นเอง ถือแม้ภัยน้ำอาจจะไม่ใช่ภัยที่จะเจอได้ง่าย ๆ แต่ถ้าหากคุณได้ประสบแล้ว ก็เกิดความเสียหายมากจนไม่อาจจะรับมือได้ไหว ถ้าคุณไม่ได้ทำประกันเพิ่มเติมในเรื่องของน้ำท่วมไว้นั่นเอง