ประกันชีวิต คน ท้อง คืออะไร พร้อมเปรียบเทียบแบบแผนที่น่าสนใจ
ด้วยสภาพเศรษฐกิจทางในปัจจุบัน ทำให้ใครหลายคนเกิดความเครียดอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะใครที่กำลังวางแผนจะมีครอบครัวแบบสมบูรณ์นั้น อาจจะต้องคิดหนักอีกไม่น้อย เนื่องจากการมีลูกสักคนนั้น ในช่วงเวลาแบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการดูแลเอาใจใส่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากมายที่รออยู่อีกเพียบ หนึ่งในนั้นก็คือ ประกันชีวิต คน ท้อง ด่านแรกที่ต้องเจอ ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ และ การคลอดบุตร
แม้ว่าคุณแม่จะยังสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอาจจะไม่เพียงพอด้วยซ้ำ เพราะค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ มีราคาค่อนข้างสูงมาก ยังไม่รวมถึงความเสี่ยงหลาย ๆ อย่างที่ต้องระวังระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือภาวะตั้งครรภ์อีกด้วย ประกันคลอดบุตร เป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ถูกออกแบบมา เพื่อดูแลคุ้มครองโรคภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง ครอบคลุมไปถึงการตั้งครรภ์โดยเฉพาะ ระหว่างตั้งครรภ์ รวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดก่อน และ หลังการคลอดบุตรอีกด้วย ทั้งกรณีที่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือไม่นอนโรงพยาบาลก็ตาม ทำให้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องค่ารักษาพยาบาลไปได้มาก ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถนำเบี้ยประกัน มาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
แนะนำบริษัทประกันที่คุ้มค่าแก่คนท้อง มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ถึงแม้ว่าการท้อง หรือการตั้งครรภ์จะไม่ใช่อาการป่วยก็ตาม แต่ในระหว่างตั้งครรภ์ก็มีความเสี่ยงหลายอย่าง ที่จะเกิดขึ้น ที่ต้องระวังให้ดีที่สุด รวมทั้งการคลอดบุตรที่มีค่าใช้จ่ายสูง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คุณแม่ ๆ หลายคน ต้องตัดสินใจเลือกกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองในการตั้งครรภ์ให้ดี ให้เหมาะสมกับตัวเองให้มากที่สุด เราจึงได้ รีวิว ประกันคลอดบุตร ที่น่าสนใจมาแนะนำ ดังนี้
ประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส จาก บีดีเอ็มเอส อลิอันซ์ อยุธยา
เป็น ประกันสุขภาพคนท้อง ที่ให้ความคุ้มครองสุขภาพในโรงพยาบาลเครือ BDMS กว่า 45 โรงพยาบาล ทั่วประเทศไทย และ กัมพูชา วงเงินสูงถึง 100 ล้านบาทต่อปี มั่นใจได้ว่า ประกันสุขภาพตัวนี้จะมาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล นอกจากนี้ ยังอุ่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะประกันตัวนี้ยังให้ความคุ้มครองค่าคลอดบุตร และ มีบริการตรวจสุขภาพประจำปีอีกด้วย
ประกันสุขภาพ iHealthy จาก กรุงไทย แอกซ่า ประกันชีวิต
เป็นประกันคลอดบุตรที่มาในรูปแบบของประกันสุขภาพ iHealthy ให้ความคุ้มครองทุกความต้องการของการรักษาพยาบาล โดยการดูแลค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย ไม่ว่าจะนอน หรือไม่นอนโรงพยาบาลก็ตาม รวมไปถึงความคุ้มครอง และ ดูแลค่ารักษาพยาบาลในการตั้งครรภ์ การคลอดบุตร ภาวะแทรกซ้อนก่อน และ หลังการคลอดบุตร พร้อมทั้งค่าหออภิบาลทารกแรกเกิดได้อีกด้วย
โครงการเมืองไทย Lady Care จาก เมืองไทยประกันชีวิต
ประกันชีวิต Lady Care ที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ พร้อมดูแลคุ้มครองโรคภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง ครอบคลุมการในเรื่องของการตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ และ ภายหลังคลอดบุตร รวมถึงดูแลเรื่องความสวยความงามของคุณผู้หญิงอีกด้วย ในกรณีเกิดแผลไฟลวก ด้วยการดูแลค่าใช้จ่ายในการทำศัลยกรรมผิวหนังใบหน้าอีกด้วย
เอ็ทน่าประกันสุขภาพ beyond personal care - อัลทิเมท แผน 4
พร้อมดูแลว่าที่คุณแม่คนใหม่ ด้วยแผนประกันสุขภาพ ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลด้วยวงเงินสูงสุดถึง 5 ล้านบาท หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตรไปได้เลย เมื่อเริ่มวางแผนอนาคตที่จะมีลูกแล้ว
เปรียบเทียบ ประกันชีวิต คน ท้อง 5 แบบแผน ระหว่างผ่าคลอด และ คลอดเอง มีอะไรบ้าง
เปรียบเทียบ 5 แผนประกันที่คุ้มครองค่าคลอดบุตรแบบชั้นนำ มาให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ได้ตัดสินใจกันได้ง่าย โดยเปรียบเทียบทั้งค่าคลอดบุตรแบบผ่าคลอด และ แบบคลอดเอง มาแนะนำดังต่อไปนี้
กรุงไทยแอกซ่า iHealthy Platinum 100 ล้าน
มีเบี้ยประกันต่อปี 74,463 บาท มีค่าคลอดบุตรแบบผ่าคลอดต่อปี 400,000 บาท และ ค่าคลอดบุตรแบบคลอดเองต่อปี 400,000 บาท และ ยังมีค่าห้องต่อวัน ไม่เกิน 21,000 บาท ระยะเวลารอคอย 12 เดือน
เมืองไทยประกันชีวิต Elite Health แผน 4
มีเบี้ยประกันต่อปี 102,918 บาท มีค่าคลอดบุตรแบบผ่าคลอดต่อปี 200,000 บาท หรือค่าคลอดบุตรแบบคลอดเองต่อปี 150,000 บาท และ มีค่าห้องต่อวัน 25,000 บาท ระยะเวลารอคอย 280 วัน
แอลเอ็มจี ประกันภัย – อีลิทซีรีย์ โกลด์ IPD + OPD
มีเบี้ยประกันต่อปี 59,600 บาท ค่าคลอดบุตรแบบผ่าคลอดต่อปี 150,000 บาท หรือค่าคลอดบุตรแบบคลอดเองต่อปี 150,000 บาท และ มีค่าห้องต่อวัน 16,000 บาท ระยะเวลารอคอย 280 วัน
อลิอันซ์ อยุธยา My First Class – BDMS แผนบียอนด์ แพลทินัม
มีเบี้ยประกันต่อปี 104,393 บาท มีค่าคลอดบุตรแบบผ่าคลอดต่อปี 200,000 บาท หรือค่าคลอดบุตรแบบคลอดเองต่อปี 200,000 บาท และ มีค่าห้องต่อวัน 18,000 บาท ระยะเวลารอคอย 10 เดือน เฉพาะโรงพยาบาลในเครือ BDMS เท่านั้น
เอ็ทน่าประกันสุขภาพ Beyond Personal Care - อัลทิเมท แผน 4
มีเบี้ยประกันต่อปี 49,212 บาท มีค่าคลอดบุตรแบบผ่าคลอดต่อปี 120,000 บาท หรือค่าคลอดบุตรแบบคลอดเองต่อปี 120,000 บาท และ มีค่าห้องต่อวัน 12,000 บาท ระยะเวลารอคอย 280 วัน
เงื่อนไข ในการเคลมค่าคลอดบุตร
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งเรื่องก็คือ เมื่อทำแผนประกันคุ้มครองค่าคลอดบุตรไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว หากท้องแล้วจะสามารถเคลมเงินส่วนนี้ได้อย่างไร มีเงื่อนไขอะไรบ้าง เรามีคำแนะนำมาฝาก ดังนี้
-
1. ระยะเวลา
ระยะเวลารอคอยที่นับตั้งแต่วันที่อนุมัติกรมธรรม์จนถึงวันที่คลอดนั้น แต่ละแผนประกันก็กำหนดไม่เท่ากัน โดยเริ่มตั้งแต่ 280 วันไปจนถึง 1 ปี โดยการนับจะเริ่มตั้งครรภ์วันไหนไม่สำคัญ แต่สำคัญคือ ที่วันคลอด เพื่อเป็นการป้องกันการท้องก่อนทำประกัน -
2. รูปแบบของการเคลมคลอด
การเคลมคลอดมี 2 รูปแบบ คือ คลอดแบบธรรมชาติ และ คลอดแบบผ่า โดยแต่ละแบบจะมีวงเงินที่ไม่เท่ากัน โดยส่วนมากแล้วการคลอดแบบผ่า จะได้รับวงเงินที่สูงกว่า หรือบางบริษัทก็เคลมได้ในวงเงินที่เท่ากัน โดยการเคลมแบบผ่าคลอดนั้น ต้องให้คุณหมอวินิจฉัย และ บ่งชี้ว่ามีเหตุที่ต้องผ่าเท่านั้น -
3. วันคลอด
ในกรณีที่เลือกเอง คุณพ่อคุณแม่ดูฤกษ์วันผ่าคลอดไว้ หรือ เลือกวิธีคลอดแบบผ่าโดยนัดวันผ่ากับคุณหมอเอง แบบนี้นับเป็นการเคลมแบบธรรมชาติเท่านั้น จะไม่สามารถเคลมแบบผ่าคลอดได้ -
4. กระบวนการของหมอ
ไม่ว่าจะตั้งครรภ์แบบธรรมชาติ หรือคนที่มีบุตรยาก จะต้องผ่านกระบวนการของคุณหมอเพื่อให้ตั้งครรภ์แบบไหนก็เคลมนั่นเอง
ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน การวางแผนครอบครัวในยุคสมัยนี้ ต้องมีความรอบคอบเป็นอย่างมาก เนื่องจากการมีลูกสักคนนั้น นอกจากเวลาที่ต้องทุ่มเทให้ทั้งชีวิต ยังต้องใช้เงินสูงมากในการที่จะมีลูกแต่ละคน นอกจากนี้เมื่อเด็กลืมตามาดูโลกแล้ว ก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่ตามมาแบบอัตโนมัติ ที่เป็นค่าใช้จ่ายหลัก ๆ เฉลี่ยแล้วต่อปีประมาณ 100,000 บาทขึ้นไป ดังนั้น เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้คุณแม่ ประกันชีวิต คน ท้อง จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยจัดการค่าใช้จ่ายที่มากมายขนาดนี้ได้เป็นอย่างดี คือการมีแผนประกันที่คุ้มครองค่าคลอดบุตร และ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กโดยตรง เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระที่มากมายได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งยังสามารถลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ได้อีกด้วย อีกทั้งแผนประกันที่มีอย่างหลากหลาย ที่เป็นตัวเลือกให้คุณแม่ได้มากมาย จึงไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเลือกแบบไหน บริษัทไหนดี เรารวบรวมแผนประกันที่ได้ชั้นนำไว้ให้แล้ว อีกทั้งยังมีการเปรียบเทียบราคาให้เห็นกันเลยว่า แบบไหนที่เหมาะกับตัวคุณแม่มากที่สุด เพื่อให้นำไปปรับใช้ และ เกิดความคุ้มค่ามากที่สุดสำหรับตัวคุณแม่เอง และ ลูกน้อย